1. หุ้นที่จะออมต้องเป็นหุ้นพื้นฐานดี
คนส่วนใหญ่คิดออมในหุ้นแต่ไปซื้อหุ้นปั่น (หุ้นที่ไม่มีพื้นฐานไม่มีกำไรไม่มีปันผลมีแต่ข่าวดีและความหวังว่าจะดีเท่านั้น) หุ้นแบบที่ว่านี้ไม่ควรออมไม่ควรถือยาว คนส่วนใหญ่หลงไปซื้อหุ้นประเภทเก็งกำไรแต่คิดว่าตัวเองกำลังออมในหุ้น ซึ่งผิดหลักการ
2. การออมหุ้นต้องสนใจมูลค่ามากกว่าราคา
คำว่าซื้อถูกหรือแพงสำคัญน้อยกว่ามูลค่าที่จะซื้อจริงๆ เพราะการออมในหุ้นเราสนใจเงินที่จ่ายไปซื้อหุ้นบริษัทดีๆ ที่ออมว่าจะต้องให้เงินปันผลเท่าไหร่เทียบกับเงินที่ลงไปเช่นหุ้นราคา 10 บาท ถ้าปันผล 1 บาทต่อปี ก็แปลว่าหุ้นนี้ถือ 10 ปีก็สามารถคืนเงินต้นที่ลงทุนแล้ว หลังจากที่เงินปันผลคืนเงินต้นเราก็ถือไปเรื่อยๆ ตราบเท่าที่บริษัทนี้ยังปันผลดีเลี้ยงเราแม้เราหยุดทำงานแล้วก็ตาม นี่คือ การมองมูลค่าที่จะได้จากการออมในหุ้น ไม่ใช่การซื้อขายเก็งกำไร
3. เงินที่แบ่งมาออมในหุ้นต้องเป็นเงินที่ตัดออกจากชีวิตเราได้
เงินที่จะนำมาออมในหุ้นไม่ใช่เอาเงินทั้งหมดในชีวิตมาซื้อแต่ให้เอาเงินที่ สามารถตัดออกจากชีวิตได้แบ่งออกมาเช่น 10% ของเงินเดือนเพื่อนำมาซื้อหุ้นปันผล เพราะหัวใจของการออมในหุ้นคือสร้างรายได้เลี้ยงเราโดยที่ไม่ต้องทำงาน ไม่ใช่การมาเก็งกำไรซื้อขายคนละเรื่องกัน ดังนั้นต้องเข้าใจวัตถุประสงค์ของเงินก้อนนี้ว่าจะเอามาออม คนที่ตัดเงินออกชีวิตได้เท่านั้นที่จะสามารถสร้างรายได้จากการออมในหุ้นได้
4. ต้องไม่หวั่นไหวกับการแกว่งของราคาหุ้น
การออมในหุ้นนั้นสนใจที่มูลค่า ด้วยการแบ่งเงินมาออมในหุ้นดีที่เติบโต ดังนั้นเป้าหมายคือการสร้างเงินปันผลที่จะเลี้ยงเราหลังจากที่ไม่มีเงิน เดือน แปลว่าเงินก้อนนี้จะอยู่ในตลาดหุ้นตลอดเวลา ซื้อหุ้นดีแล้วไม่ขายชั่วชีวิต ซึ่งต้องเข้าใจว่าในบางเวลาตลาดหุ้นอาจมีภาวะผันผวนมีข่าวร้ายจนราคาที่ซื้อ อาจลงไปเยอะมาก แต่ต้องกลับมาถามเน้นย้ำตัวเองถึงวัตถุประสงค์ของเงินว่าเงินนี้ไม่ใช่เอามา เก็งกำไรแต่เอามาออม ดังนั้นให้ดูแต่ปันผลที่หุ้นดีนี้จะจ่ายให้เราไปเรื่อยๆ ชั่วชีวิตของเรา
5. จังหวะการซื้อสำคัญที่สุดในการออมในหุ้น
ในเมื่อหลักการออมในหุ้นคือการซื้อหุ้นดีแล้วไม่ขายชั่วชีวิตหมายความว่าเรา ควรซื้อหุ้นตอนที่ราคาไม่แพง จังหวะที่ราคาหุ้นไม่แพงก็คือช่วงที่หุ้นที่เราชอบมีข่าวร้าย ถ้าคิดจะออมในหุ้นจะต้องซื้อหุ้นดีในข่าวร้าย เพราะจะทำให้ซื้อได้ในราคาที่ถูกและเหมาะสมต่อการลงทุน